น้องอุ้ม – ถี่จื่อ งานเข้า หลังถ่ายคลิปกิน ฉลามขาว สัตว์คุ้มครอง

น้องอุ้ม – ถี่จื่อ งานเข้า หลังถ่ายคลิปกิน ฉลามขาว สัตว์คุ้มครอง

ถี่จื่อ 提子 หรือที่รู้จักกันว่า น้องอุ้ม ได้เจอกับปัญหาใหญ่ก็ว่าได้ หลังจากที่ทำการเผยแพร่คลิปกินฉลามที่ในภายหลังได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็น ฉลามขาว สัตว์คุ้มครองของประเทศจีน (1 ส.ค. 2565) ถือได้ว่าเผชิญกับปัญหาใหญ่ก็ว่าได้กับ ถี่จื่อ 提子 หรือที่รู้จักกันในไทยว่า น้องอุ้ม ผู้ซึ่งล่าสุดนี้ได้ทำการเปิดเผยคลิปวิดีโอที่แสดงถึงการกินฉลามตัวหนึ่ง ที่ภายหลังมีการตรวจสอบพบว่าเป็น ฉลามขาว สัตว์คุ้มครองประเภทที่ 2 ของประเทศจีน จริง

โดยเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการสอบสวนมาเป็นระยะเวลาครึ่งเดือนของกรมตำรวจ 

จาเมืองหนานชง มณฑลเสฉวน ที่ถือว่าเป็นพื้นที่เกิดเหตุที่มีการถ่ายบันทึกคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งในเวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าควบคุมตัวผู้บริหารบริษัทที่เป็นเจ้าของช่องวิดีโอบนแพลตฟอร์ม Douyin (TikTok) และน้องอุ้มด้วย เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดีต่อไป

ตามกฎหมายของประเทศจีนนั้น ผู้ที่ทำซื้อขาย/บริโภค และครอบครองสัตว์คุ้มครอง – สัตว์ป่าสงวนจะมีโทษตามกฎหมาย : ในขั้นเบา/เบื้องต้น จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 หยวน และถ้าหากได้รับการพิจารณาว่ามีความผิดขั้นร้ายแรงนั้นจะได้รับโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนหยวน

ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทต้นสังกัดได้ทำการชี้แจงว่า ฉลามที่ถูกกินภายในคลิปนั้น ไม่ใช่ฉลามขาวแต่อย่างใด และเป็นฉลามเพาะเลี้ยง ที่ซึ่งในเวลานี้ก็ต้องนำเอาข้อมูลที่ว่าไปพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป

ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เตรียมดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลต่อไปยังแหล่งที่มาของฉลามดังกล่าว และเพื่อทลายเครือข่ายจำหน่ายสัตว์คุ้มครอง – สัตว์ป่าสงวนต่อไป โดยก็คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเครือข่ายนานาชาติ และก็มีความช่วยเหลือจากผู้คนในหน่วยงานรัฐอีกด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ได้ถูกวิพากย์วิจารณ์เป็นอย่างยิ่ง ว่าเป็นหนึ่งในความพยายามทำเนื้อหาแปลกประหลาดเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดผู้รับชม ที่ซึ่งการทำเนื้อหาเหล่านี้นั้น ไม่ได้มีการศึกษาก่อนอย่างถี่ถ้วน พร้อมทั้งเนื้อหาเหล่านี้ยังถูกมองว่าเป็นการบั่นทอนผู้รับชมที่ส่วนใหญ่เป็นเด็ก และวัยรุ่นอีกด้วย

หนุ่มออสเตรเลียจุก โดนปรับเงิน 1 แสนบาท หลัง นำเข้าแมคมัฟฟินจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดของโรคมือเท้าปาก เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สำนักข่าว เดลี่เมลล์ รายงานว่า ทางการออสเตรเลียได้ทำการปรับหนุ่มคนหนึ่งที่ซื้อ แมคมัฟฟินสองชิ้นจากแมคโดนัลด์บนเกาะบาหลี เป็นเงินเกือบ 1 แสนบาท ในข้อหาไม่แจ้งว่ามีวัตถุอันตรายทางด้านชีวิภาพ และ ให้ข้อมูลปลอม

สาเหตุที่แมคมัฟฟินสองชิ้นถูกจัดว่าเป็นวัตถุอันตรายทางด้านชีวภาพ เนื่องจากเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยง หลังจากที่โรคมือเท้าปากระบาดอย่างหนักในพื้นที่ ดังนั้นการนำอาหารจากเกาะบาหลีเข้าประเทศจึงทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคได้

ด้านนาย  เมอร์เรย์ วัตต์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรกรรม ประมง และ ป่าไม้ ให้สัมภาษณ์ว่า นี่คงเป็นแมคมัฟฟินที่ราคาแพงที่สุด โดยค่าปรับนั้นถือเป็นจำนวนสองเท่าของค่าเดินทางจากออสเตรเลียไปบาหลี แต่เขาไม่มีความสงสารต่อคนที่ไม่เชื่อฟังนโยบายของประเทศออสเตรเลีย”

ก่อนหน้าทางการออสเตรเลียเคยเตือนว่าหากโรคมือเท้าปากหลุดเข้ามาในประเทศออสเตรเลียได้ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวัวเป็นมูลค่ากว่า 2.8 ล้านล้านบาทได้ ปัจจุบันประเทศออสเตรเลียยังไม่พบผู้ป่วยมือเท้าปากมานานกว่า 10 ปี

‘แอมเบอร์ เฮิร์ด’ ยื่น ล้มละลาย หลังแพ้คดีหมิ่นประมาท ‘จอห์นนี เดปป์’

สื่อสเปน เผย แอมเบอร์ เฮิร์ด ยื่น ล้มละลาย ต่อรัฐเวอร์จิเนีย หลังแพ้คดีหมิ่นประมาท จอห์นนี เดป์ และต้องจ่าย 350 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เว็บไซต์ มาร์กา สื่อในประเทศสเปน ได้รายงานว่า แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) ยื่นล้มละลาย หลังจากที่เธอแพ้คดีหมิ่นประมาทต่อ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) อดีตสามีของเธอ ในช่วงเดือนมิถุนายน ท่ามกลางการให้การของทั้งสองฝ่ายที่ถูกจับตาด้วยคนทั่วโลก

ก่อนหน้านี้ ศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินให้ จอห์นนี เดปป์ชนะคดีหมิ่นประมาท และสั่งให้ แอมเบอร์ เฮิร์ด ชดใช้เงินให้กับจอห์นนี เดปป์ เป็นมูลค่าเกือบ 350 ล้านบาท

ทั้งนี้ทางทีมทนายของเดปป์ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับ แอมเบอร์ เฮิร์ด ราวๆ 70 ล้านบาท หลังจากที่ เฮิร์ด ได้รับความเสียหายจากคำกล่าวหาของทีมทนายของเดปป์ที่กล่าวว่า เธอสร้างหลักฐานปลอมในการใส่ร้ายอดีตสามีของเธอ

ทาง มาร์กา ยังระบุอีกด้วยว่าหลังจากที่ศาลตัดสินให้เธอต้องจ่ายค่าชดใช้ เธอพยายามหาหนทางที่จะลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายมาตลอด รวมถึงยื่นล้มละลายต่อรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปในปี 2561 Washington Post ได้เผยแพร่บทความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด เล่าเรื่องการหย่าร้าง และกล่าวหาอดีตสามีว่าใช้กำลังกับเธอ ซึ่งในบทความนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของ เดปป์ แต่อย่างใด ทั้งนี้จากการขึ้นศาลก่อนหน้านี้ ทาง เดปป์ ได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า ในบทความเป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตน ก่อนจะหย่าร้างกันไปในปี 2560

กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในลักษณะที่อาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น